ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ ออท. ณ กรุงเวลลิงตัน ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำราชอาณาจักรตองกา โดยมีถิ่นพำนักที่กรุงเวลลิงตันอีกตำแหน่งหนึ่ง นั้น เอกอัครราชทูตมาริษฯ และภริยา ได้เดินทางไปยังกรุงนูกูอะโลฟา ระหว่างวันที่ 24-27 พฤศจิกายน 2558 เพื่อเข้าเฝ้าฯ ถวายพระราชสาส์นตราตั้งแด่สมเด็จพระราชาธิบดี ทูโพ ที่ 6 แห่งตองกา ในวันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2558 และในโอกาสนี้ มกุฎราชกุมารแห่งตองกาได้ทรงเป็นประธานเลี้ยงแสดงความยินดีแก่ทูตมาริษฯ และภริยา โดยมีอัยการสูงสุด ผู้แทนระดับสูงของกระทรวงเกษตรและประมง และผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศและการค้าตองกาเข้าร่วมเป็นเกียรติ์ด้วย

นอกจากนี้ ทูตมาริษฯ ยังได้ใช้โอกาสนี้พบหารือกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของตองกา เพื่อรับทราบจุดแข็งและจุดอ่อนของตองกา โอกาสและลู่ทางการค้าและการลงทุนในกิจการต่างๆ ที่มีศักยภาพ รวมถึงการหารือเพื่อกำหนดขอบเขตและวิธีการที่ไทยจะให้ความช่วยเหลือตองกาได้อย่างถูกต้องตรงกับความต้องการของฝ่ายตองกา โดยในภาครัฐ ทูตมาริษฯ ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีแห่งตองกา และได้พบหารือกับรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอุตุนิยมวิทยา พลังงาน สารสนเทศ การบริหารจัดการภัยพิบัติ สิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพทางภูมิอากาศและการสื่อสารด้วย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ท่องเที่ยว แรงงาน และกิจการตำรวจ ดับเพลิง และราชทัณฑ์ ซึ่งทำให้รับทราบว่า ตองกาประสงค์จะได้รับความร่วมมือในด้านการแพทย์และการสาธารณสุข การเกษตร การประมง และการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ทั้งนี้ เนื่องจากรายได้หลักของตองกา นอกจากเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศและรายได้จากชาวตองกาโพ้นทะเลแล้ว จะมาจากภาคการเกษตร การประมง และการท่องเที่ยว ในส่วนของภาคเอกชน ทูตมาริษฯ ได้พบหารือกับประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมตองกา และผู้บริหาร (Chief Executive) สภาหอการค้าและอุตสาหกรรมตองกา รวมทั้งได้เข้าเยี่ยมชมกิจการค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมีสินค้าจำนวนมากนำเข้าจากเมืองไทย และกิจการค้าปลีกชิ้นส่วน อุปกรณ์และอะไหล่รถยนตร์ ซึ่งจำหน่ายสินค้านำเข้าจากประเทศไทยกว่าร้อยละ 40 ของสินค้าทั้งหมด รวมถึงอู่ซ่อมรถยนตร์ที่ทันสมัยของตองกาด้วย

ในโอกาสเดียวกันนี้ ทูตมาริษฯ ยังได้ดำเนินการเชิงรุกในกรอบของศูนย์ดำรงธรรมในต่างประเทศ โดยได้เดินทางไปพบปะและพูดคุยกับชุมชนไทยในกรุงนูกูอะโลฟาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการมีถิ่นพำนักที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศตองกาทั้งหมด 11 คน จากจำนวนประชาชนชาวไทยทั้งสิ้น 16 คน รวมทั้งยังมีการเปิดคลินิคให้คำปรึกษาและให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ รวมถึงได้อำนวยความสะดวกแก่ชุมชนไทยในเรื่องงานกงสุลอีกด้วย