เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการอาเซียน ณ กรุงเวลลิงตัน (ASEAN Committee in Wellington - ACW) ซึ่งประกอบด้วยเอกอัครราชทูตจากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประจำอยู่ ณ กรุงเวลลิงตัน ๖ ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย โดยเป็นการประชุม ACW ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ วัตถุประสงค์สำคัญคือ เพื่อส่งมอบตำแหน่งประธาน ACW จากฟิลิปปินส์มายังไทย สำหรับวาระเดือนมกราคม - มิถุนายน ๒๕๖๗

การพบหารือของคณะกรรมการภายใต้กรอบการประชุม ACW เป็นประโยชน์ต่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร รวมถึงการจัดกิจกรรมร่วมกันในนามอาเซียน ส่งผลให้หน่วยงานของฝ่ายนิวซีแลนด์เห็นถึงความสำคัญของภูมิภาคมากขึ้น รวมถึงในการขอพบหารือกับบุคคลสำคัญต่าง ๆ ในรัฐบาลนิวซีแลนด์ อนึ่ง โดยที่เป็นการประชุมครั้งแรกของปี จึงได้มีการหารือถึงกิจกรรมที่จัดร่วมกัน โดยเน้นกิจกรรมที่จะสามารถประชาสัมพันธ์และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับองค์กรและกลุ่มประเทศอาเซียนให้สาธารณชนนิวซีแลนด์ได้ทราบมากขึ้น เช่น การแสดงทางวัฒนธรรมและอาหาร การจัดแสดงเกี่ยวกับศักยภาพในด้านต่าง ๆ ของแต่ละประเทศ อาทิ ภาคธุรกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว รวมถึงสภาพตลาด เป็นต้น เพื่อขยายการค้าและดึงดูดการลงทุนจากนิวซีแลนด์สู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มากยิ่งขึ้นต่อไป

On 1 February 2024, the Royal Thai Embassy hosted the first ASEAN Committee in Wellington (ACW) meeting of this year. The ACW is comprised of ASEAN diplomatic missions based in Wellington, namely Indonesia, Malaysia, the Philippines, Singapore, Vietnam, and Thailand. As a grouping, the ACW represents ASEAN interests in New Zealand, and is instrumental in the organization of activities based on ASEAN-related themes. Thailand holds the ACW Chairmanship from January – June 2024.

During the meeting, the key topic was on work plan for the upcoming year, discussing ways and means to further promote awareness and knowledge of ASEAN to the New Zealand general public, through events such as ASEAN festival or Trade Fair, which can exhibit not only the diverse array of ASEAN cultures and foods, but also market information and economic capacities of each ASEAN country in order to attract investment and further expand regional trade with New Zealand.